ตำแหน่งโกล ทีมยอดเยี่ยมรายสัปดาห์นี้ ขอรวมเอาเหล่าผู้เล่นจากนัดหมายชิงดำเอฟเอ คัพ
ตำแหน่งโกล ทีมยอดเยี่ยมรายสัปดาห์นี้ ขอรวมเอาเหล่าผู้เล่นจากนัดหมายชิงดำ เอฟเอคัพ มาควบรวมกับ พรีเมียร์ลีก ตามหน้าที่ที่เลือกยากสูงที่สุดอาจหนีไม่พ้นผู้เฝ้าประตูที่มีสองรายโชว์ฟอร์มเจ๋ง ไม่คอยช้า พวกเราไปดูกันได้เลย
ผู้เฝ้าประตู : อลีสซง เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูล) เลือกยากทีเดียวสำหรับตำแหน่งนี้ เพราะเหตุว่านายทวารอีกรายที่ปฏิบัติภารกิจก้าวหน้าไม่แพ้กันเป็น แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล
อย่างไรก็แล้วแต่ ประตูในตอนวินาทีในที่สุดจากการสะบัดหัวกระแทกของ อลีสซง เบ็คเกอร์ เป็นประตูที่พา หงส์แดง ควักชัยชนะจาก เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ ต่อลมหายใจไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า
ยิ่งไปกว่านี้ ผู้เฝ้าประตูกลุ่มชาติบราซิล ยังเป็นนายด่าน “ลิเวอร์พูล” คนแรกซึ่งสามารถทำคะแนนได้อีกด้วย ปราการหลัง : เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (หงส์แดง)
ข้างหลังถูก แกเร็ธ เซาธ์เกต เมินหน้าเรียกติดทีมชาติอังกฤษ จากนั้น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็เล่นได้ดิบได้ดีขึ้นแปลกตา ทำแอสซิสต์มาก เทรนท์ สร้างสรรค์โอกาสได้ 5 ครั้งหรือมากยิ่งกว่านั้นตลอด 3 เกมหลังสุด ที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก
ซึ่งเป็นผู้เล่น “ลิเวอร์พูล” คนแรกที่ทำเป็น 3 เกมติดนับจากที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เคยทำไว้เมื่อต.ค. ปี2010 บ้านผลบอลวันนี้
ตามหน้าที่ที่เลือกยากสูงที่สุดอาจหนีไม่พ้นผู้เฝ้าประตูที่มีสองรายโชว์ฟอร์มเจ๋ง
ตำแหน่งโกล แนวรับ : คากลาร์ โซยุนชู (เลสเตอร์) เมื่อลูกพี่ใหญ่อย่าง จอนนี่ อีแวนส์ เจ็บจนถึงเล่นต่อไม่ไหว ภาระบนแนวรับก็เป็นของแนวรับกลุ่มชาติประเทศตุรกีในทันที โซยุนชู ดวลลูกในอากาศชนะทั้งปวง 7ครั้ง
และก็ยังจัดการบอลได้อีก 6 ครั้งในเกมนัดหมาย ชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ ปราการหลัง : จอห์น เอแกน (เชฟฯ ยูไนเต็ด) เป็นเกมที่แนวรับของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เล่นกันได้ดีล้นเชื่อ จอห์น เอแกน บล็อคลูกยิงไปทั้งมวลในฤดูกาลนี้ รวม 27 ครั้ง
ซึ่งในเกมที่ กูดิสัน พาร์ค เจ้าตัวทำไปได้ถึง 4ครั้ง แนวรับ : ไทริค มิตเชลล์ (คริสตัล พาเลซ) ชายหนุ่มวัย 21 ปีมีแผนภูมิการเล่นในฤดูกาลนี้ทั้งยังมีขึ้นรวมทั้งมีลง ตอนหนึ่งก้าวขึ้นมาเป็นตัวจริงแทน พาทริค ฟาน อัน โฮลท์
และหลุดไปเป็นตัวสำรอง แล้วก็กลับมายึดตัวจริงได้อีกที เกมปัจจุบันที่ เซลเฮิร์สท์ พาร์ค เป็นหนึ่งในเกมที่เหมาะสมที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ กับวิธีการทำประตูแล้วก็มีส่วนกับประตูอีกหนึ่งครั้ง
มิดฟิลด์ : ติอาโก้ อัลกันตาร่า (ลิเวอร์พูล) บอลที่ออกมาจากเท้าของลำแข้งสแปนิชรายนี้ ทำให้ทีมดีกว่าอยู่เป็นประจำ ติอาโก้ สร้างช่องทางเยอะที่สุดในทีม 5 ครั้ง รวมทั้งผ่านบอลเสร็จ 90.6%
กองกลาง : ยูรี่ ตีเลอมันส์ (เลสเตอร์) แปลงเป็นฮีโร่ที่พา เลสเตอร์ คว้าชัยชนะ เอฟเอ คัพ กับลูกยิงที่สวยที่สุดลูกหนึ่งในเกมนัดหมายชิงแชมป์ มิดฟิลด์ : คาลวิน ฟิลลิปส์ (ลีดส์) เป็นเพลย์เมคเกอร์ที่ยืนแนวลึกรอวางบอลขับเกมรุก
สำหรับในการที่ ลีดส์ มี ฟิลลิปส์ ลงในสนามเป็นตัวจริง พวกเขาเอาชนะคู่แข่งได้ถึง 50% ในตอนที่การไม่มี ฟิลลิปส์ จำนวนน้อยลงเหลือเพียงแค่ 30% แค่นั้น มิดฟิลด์ : ปิแอร์ เอมิล-ฮอยจ์เบิร์ก (สเปอร์ส)
มีส่วนร่วมกับประตูทั้งคู่ลูก โดยลูกแรกมา จากจ่ายคิลเลอร์ พาสให้ แฮร์รี่ เคน หลุดเข้าไปจบสกอร์ แล้วก็ถัดมาลำแข้งทีมชาติเดนมาร์กก็มาทำคะแนนจบท้ายจากการซ้ำลูกยิงของ แกเร็ธ เบล
กองหน้า : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล) ลูกที่ยิงเสมอถือว่า เป็นการจบสกอร์ที่เด็ดขาดเอามากๆ ยิ่งไปกว่านี้ ซาลาห์ สร้างจังหวะสูงถึง 4 ครั้ง ประตูในเกมนี้ของ ซาลาห์ เป็นประตูที่ 125 ให้กับสมาคม
ซึ่งนับจากปี 2017 ไม่มีผู้เล่นคนไหนใน พรีเมียร์ลีกทำคะแนนได้มากกว่า เขารวมทุกรายการอีกแล้ว แนวรุก : เฟร์ราน ตอร์เรส (แมนฯ ซิตี้) แฮตทริกแรกของ เฟร์ราน ตอร์เรส ให้กับแมนฯซิตี้
ซึ่งทำให้หน้าแข้งสแปนิช แปลงเป็นผู้เล่นที่อายุต่ำที่สุด ซึ่งสามารถทำแฮตทริก ภายใต้การควบคุมกลุ่มของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ระดับช็อกโลก